มาสร้างโรงงานผลิตอาวุธกันเถอะ
เช้าวันนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนตี๔ ตาน่ะยังลืมไม่ขึ้นอยากนอนต่อ แต่ใจที่รู้อยู่บอกว่าไม่ได้!…ต้องตื่น!!! ทั้ง ๆ ที่นอนหลับตั้งแต่ ๓ ทุ่มกว่าๆเอง นับแล้วหลับรวดเดียวไม่ต่ำกว่า ๖ ช.ม. แต่มันคงเป็น ๖ ช.ม.แห่งการนอนที่นอนมากที่สุดในรอบปีมั้ง? เพราะปกติก็นอนวันละ ๓-๔ ช.ม.เอง สงสัย ๒ วันที่ผ่านมาคือวันสิ้นปีเก่ากับวันขึ้นปีใหม่ จะเป็น ๒ วันที่เหนื่อยหนักหนาสาหัสที่สุด ดีแล้วที่ยังมีชีวิตรอดมาได้ และพบกับปีใหม่อีกปีหนึ่ง
ลุกมาแล้วก็ยังไม่ล้างหน้าแปรงฟันทำสรีระกิจมันล่ะ เดินลงจากกุฏิไปเปิดไฟประดับบูชาองค์พระมหาเจดีย์ เพราะมีคนคอยชมที่บ้านในระยะไกล ๆ อยู่
ช่วงแรก ๆ เปิดไฟบูชาองค์พระมหาเจดีย์ตั้งแต่หัวค่ำไปจนสวดมนต์เสร็จ เพียงแค่นี้คนก็กล่าวขวัญถึงกันมากมายแล้ว ตอนหลังเราเลยคิดว่า ถ้าเปิดไฟตอนเข้ามืดอีกสักรอบน่าจะดี ก็เลยเปิดอีกรอบ
และก็ได้ผลเกินคาด คือเมื่อวานตอนเย็นมากแล้ว เรากำลังฉีดน้ำจากสายยางล้างพื้น โรงครัว และรดดินที่เป็นฝุ่นรอบ ๆ บริเวณโรงครัว ก็มีญาติธรรมที่ขายของในตลาด มาจอด รถใกล้ ๆ ได้ลงจากรถมาหาและพูดว่า คุณยายที่อยู่ในรถคือ แม่ของเธออยากมาทำบุญ คุณยายอายุเกือบ ๙๐ ปีแล้ว เราก็บอกว่างั้นลงมาถวายเลยตรงนี้เลย ทีนี้แหละลูกหลานที่อยู่ในรถพร้อมคุณยายที่ต้องพยุงลงมา ได้มาถวายปัจจัยกันคนละพันสองพัน ซึ่งรวมแล้วได้ราว ๕,๐๐๐บาท ลูกสาวที่พามาบอกเราว่า คุยยายเห็นไฟส่องพระเจดีย์ตอนตี ๔ สวยงามมาก เกิดศรัทธาอยากมาขอร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ด้วย เราฟังแล้วก็ยิ้มในใจและคิดว่าเราคิดถูกแล้ว ที่สั่งประดับไฟบูชาพระมหาเจดีย์ และสั่งให้เปิดทั้งหัวค่ำและเช้ามืด ก็ต้องขอขอบคุณคุณยายมากนะ ที่มายืนยันความคิดของเราว่าคิดถูก ไฟส่องสว่างกลางทุ่งไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เสียงดังลั่นทุ่งต่างหากที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เราไม่อยากถูกชาวบ้านด่าและขว้างหลังคากุฏิเพราะเปิดเครื่องเสียงดัง เลยไม่มีนโยบายหาเสียงหาภัยใส่ตัวมาจนบัดนี้
ตกค่ำนำสวดมนต์ทำวัตรเย็นไปได้เพียงเล็กน้อย เสียงเราถ้าจะไปไม่รอด เลยให้พระที่นั่งรองลงไปนำสวดแทน ส่วนเราก็ไปแกล้งตายนอนพักรอเทศน์ปิดท้ายรายการ…เฮ้อ ร่างกายนี้มันเริ่มจะพังแล้วหรือนี่!?
นอนฟังเสียงสวดมนต์ใกล้จะจบ เราก็ลุกจากที่นอนห้องส่วนตัวในอาคารพระธาตุที่สวดมนต์ เพื่อไปเทศน์ในช่วงเวลาภาวนาต่อไป
เราได้เทศน์ชวนให้ทุกคนที่มาสวดมนต์ฟังว่า “โลกกำลังมีภัยพิบัติและเกิดสงครามไปทั่วทุกหนแห่ง ความตายกำลังใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะแล้ว ขอให้พวกเรามาสร้างโรงงานผลิตอาวุธกันเถิด เพื่อใช้อาวุธที่เราสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเราและทำลายข้าศึก”
“อาวุธของเราชาวผู้ปฏิบัติธรรมคือ ธรรมาวุธ ทั้งสติธรรม สมาธิธรรม และปัญญาธรรม นั่นแหละอาวุธของพวกเรา เป็นอาวุธที่ไม่ก่อให้เกิดบาปเกิดกรรมใดๆ เป็นอาวุธทำลายกิเลสความโลภความโกรธความหลง ที่คอยเบียดเบียนรบกวนเราตลอดมาทุกภพทุกชาติ”
“ดังนั้นจึงขอให้พวกเรามาเร่งสร้างโรงงานผลิตอาวุธในทางธรรมกันเถิด เพราะพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลายที่นิพพานไปแล้ว องค์ท่านเหล่านั้นก็ได้ตั้งโรงงานผลิตอาวุธกันขึ้นมาด้วยกันทุกองค์ทุกท่าน จนท่านได้รับชัยชนะเด็ดขาดไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไปตลอดอนันตกาล”
ทั้งวันเมื่อวานเราหมดหน้าที่ตลอดวันขึ้นปีใหม่ ๑ ม.ค. ๖๗ ไปอย่างเหนื่อยสุด ๆ ด้วยรับแขกที่มาหาและมาทำบุญทั้งวัน หลับเป็นตายไปตั้งแต่สามทุ่มกว่า ๆ ตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวตายกันต่อไปใหม่ ทั้งนี้วันที่ ๔ ม.ค. จะมีงานใหญ่ประชุมคณะสงฆ์ ๒ จังหวัดคือสุพรรณบุรีกับนครปฐม โดยมีท่านเจ้าคณะภาค ๑๔-๑๕ (ธรรมยุต) เป็นประธาน วันนั้นก็คงต้องแกล้งตายอีกสักวันเป็นแน่…เอาน่า…แล้วมันก็จะผ่านไปและฟื้นขึ้นมาอีกรอบเหมือนเคยนั่นแหละ…แต่ถ้าไม่ฟื้นก็จะพักยาวเลยนะ…เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ เมื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วก็จบ…ว่ามั้ย?
วัดพระธาตุโพธิ์ทอง
๒ ม.ค.๖๗