พระเจดีย์ออกจากนิโรธสมาบัติ

๒ วันพ้นปีใหม่ไปแล้ว เรานี่ลืมเรื่องปีใหม่ไปเลย เพราะมีงานอื่นที่สำคัญรออยู่มาแทน ก็ทั้งเรื่องวันพรุ่งนี้คณะสงฆ์ธรรมยุตสุพรรณและนครปฐม จะมาประชุมกันที่วัดของเราราว ๗๐ รูป เมื่อถูกพระผู้ใหญ่เลือกและสั่งการมา ก็ต้องน้อมรับด้วยความเคารพ และอีกเรื่องหนึ่งคือต้องเตรียมงานปิดทองลูกนิมิตและฝังลูกนิมิตบริวาร ๒,๐๐๐ ลูกในเดือนกพ.นี้ด้วย
เมื่อวานนี้ทั้งวันลุยงานกันทั้งพระทั้งทีมงานจิตอาสา เรามองดูรู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยราบรื่น และได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากทุกฝ่าย
เรื่องอาหารเพลพระ ก็มีญาติธรรมหลายรายมีจิตศรัทธาทำมาร่วมถวาย ดูแล้วมากพอที่ทางวัดไม่ต้องทำเอง เรื่องย้ายหินประดับก้อนใหญ่ที่ตั้งไว้ในที่อับไม่เด่น ก็มีญาติธรรมที่สนับสนุนวัดมาตลอด ได้นำรถยกมาช่วยย้ายให้ตามที่เราร้องขอ ไปตั้งโชว์ตรงทางเข้าวงเวียนเพื่อเดินเข้าสู่พระมหาเจดีย์ ทีนี้แหละเด่นชัดเจนมาก
อยู่ ๆ เราก็คิดไปว่าพระมหาเจดีย์ใกล้จะเสร็จแล้ว อะไร ๆ รู้สึกว่าจะราบรื่นไปหมด แอบสงสัยเล็ก ๆ ว่ามันเป็นเพราะอะไรหนอ?
พอตอนใกล้ค่ำเสร็จจากการประดับต้นไม้ตกแต่งทางเข้าวงเวียน หลานชายที่มาช่วยยกกระถางไม้ดอกที่ให้ทีมงานไปซื้อมาเพิ่ม เพื่อใช้ตกแต่งสถานที่ ได้ถ่ายภาพพระมหาเจดีย์ประดับไฟยามค่ำ หลานชายให้ดูภาพพระมหาเจดีย์ที่ถ่ายไว้ มีรัศมีวงกลมรอบยอดพระมหาเจดีย์ เราดูเหมือนพระฉัพพรรณรังสีรอบพระเศียรพระพุทธเจ้าเลย พลันนั้นเองเราก็ได้คำตอบแบบของเราว่า ที่ระยะหลัง ๆ นี้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปด้วยดี ที่แท้ก็เพราะพระมหาเจดีย์ออกจากนิโรธสมาบัตินี่เอง ตามตำรานั้นอันใคร ๆ ได้ทำบุญกับพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ผู้นั้นจะได้รับอานิสงส์ในชาตินี้ทันทีเลย…คิดเข้าข้างตัวไปยังงั้นเอง พระเจดีย์ก็คือที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัตินั่นเอง มันยิ่งใหญ่แค่ไหน คิดดู
ก็ชีวิตจะไปคิดให้ร้ายและทำลายกำลังใจของตัวเองทำไมล่ะ…แนวคิดที่ดี ๆ มีอยู่ถมไป ไยไม่คิด!?
ทุกวันนี้เราเน้นที่ใจสุขเป็นสำคัญ ส่วนกายนั้นก็ดูแลอยู่ตามควร ทั้งนี้เพราะเราต้องใช้เขาทำงาน แต่กายก็คือกายที่เกิดมาเพื่อแตกพัง ไม่ควรไปหลงยึดกายนี้จนลืมศีลลืมธรรมลืมสร้างบารมี ว่าแล้วค่ำเมื่อวานก็งดพาสวดมนต์ทำวัตรเย็น เพราะกายนี้มันจะไปต่อไม่ไหวแล้ว เนื่องจากต้องคุมงานตกแต่งเรียงหินรอบวงเวียนมาทั้งวันนั่นเอง
หลับไปแล้วตั้งแต่ทุ่มกว่า ๆ ต้องมาตื่นขึ้นเพราะมีคนโทรเข้ามาหาตอน ๒ ทุ่มครึ่งเลิกสวดมนต์ เป็นแม่ชีพัสวรรณที่นำกระหล่ำปลีปลอดสารพิษ และฟักทองเต็มรถปิ๊กอัพมาถวายให้ ตามที่ได้แจ้งล่วงหน้ามาก่อนเมื่อวานซืนนี้ เราเลยให้หญิงชายและคนวัดช่วยแม่ชีนำกระหล่ำปลีและฟักทองที่อัดแน่นมาในรถลงจนเห็นเป็นกองโตมาก ๆ แล้วแม่ชีก็ลากลับบ้านที่ลำอีซูไป อีกไม่ต่ำกว่า ๑ ช.ม.คงถึงบ้านไปดูแลแม่ที่แก่ชรามากแล้ว
ทั้งกระหล่ำปลีและฟักทองจำนวนมหาศาลที่แม่ชีนำมาถวายให้ นี่ก็คงเป็นอานิสงส์พระมหาเจดีย์ออกจากนิโรธสมาบัติด้วยกระมัง? ใครทำใครได้นิ…
ว่าแล้วใครอยากได้กระหล่ำปลีและฟักทองฟรี ให้มาที่วัดนะ…ช้าหมด จะบอกให้

วัดพระธาตุโพธิ์ทอง
๓ ม.ค.๖๗

By admin