รีบเร่งเพราะไม่อยากเกิดอีก
เมื่อวานนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่งานใหญ่ ๆ ซึ่งจำเป็นต้องทำ ได้เสร็จลงอย่างอัศจรรย์และโล่งอก งานแรกเรียงหินกองใหญ่ที่เคยกองเอาไว้หายไปหมดสิ้น โดยไม่เกะกะนัยน์ตาอีกต่อไป
งานที่ ๒ รถเกรต พร้อมทั้งรถบดถนนจาก อบจ.สุพรรณ และรถน้ำจากเทศบาลจรเข้สามพัน ต่างก็พร้อมใจร่วมมือกันมาช่วยปรับและบดอัดถนนรอบ ๆ พระมหาเจดีย์ให้ เผอิญเมื่อวานหมดเวลาเสียก่อนที่งานทั้งหมดจะเสร็จ วันนี้ว่าจะให้ปรับพื้นลานรอบพระมหาเจดีย์ให้เสร็จเรียบร้อยสวยงามสะอาดตา เพื่อเตรียมรับงานปิดทองลูกนิมิตที่จะมาถึงเดือนหน้านี้
ส่วนงานที่ ๓ อัศจรรย์ยิ่ง ตั้งเสาต่อเติมโรงครัวตอนสาย ๆ เพื่อใช้เป็นที่ตากคว่ำจานที่ล้างเสร็จแล้ว เป็นเรื่องอัศจรรย์และทั้งหินทั้งอึดมาก ที่พระท่านพากันทำจนถึงขั้นสุดท้ายมุงหลังคาเสร็จจนค่ำ เราเห็นพระท่านตากแดดเชื่อมเหล็กโครงหลังคาตั้งแต่ตอนเที่ยงแบบไม่หยุดแล้ว เราก็เดาเอาว่าท่านจะต้องเร่งทำให้เสร็จในวันนี้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปสั่งเร่งท่าน แต่ท่านคงรู้ใจเรา และผลก็ออกมาตามที่เราคาดเดาจริง ๆ นี่แหละพระกัมมัฏฐาน ทำอะไรทำจริงไม่ห่วงกายห่วงกิน
ส่วนเราเองก็ใช่ว่าจะได้พัก ทั้งแขกมาพบถวายสังฆทาน ทั้งคุมงานตรวจงานสารพัด ตบท้ายด้วยการมานั่งเหลาก้านมะพร้าวทำไม้กวาดจนค่ำ แข่งกับพระที่ทำหลังคาโรงครัวจนค่ำเหมือนกัน
มีเรื่องขำ ๆ ยามค่ำ รีบสรงน้ำให้ทันสวดมนต์ก็ทันจริง ๆ แต่พอจะหาจีวรห่มไปสวดมนต์ กลับมองหาไม่เจอ ดูสิมันยุ่งทั้งวันจนจีวรหาย เลยสั่งให้พระพาโยมสวดมนต์กันไปก่อน แล้วเราก็นึกพร้อมทั้งค้นหาจีวรว่าไปลืมไว้ตรงไหน เดินกลับไปที่กุฏิใหม่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายมานึกได้ว่ารับแขกที่ในอาคารพระธาตุซึ่งกำลังสวดมนต์กันอยู่ เลยให้พระไปเดินดูก็พบจริง ๆ ท่านหยิบมาส่งให้ งานนี้เล่นเอาเราวุ่นไปไม่น้อยก่อนสวดมนต์ วัน ๆ มันอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้นิ
เมื่อหันมามองชีวิตของแต่ละคนในยุคนี้สมัยนี้ ดูเหมือนกับทุกคนจะเร่งร้อนไปเสียทุกเรื่อง ดูเหมือนเวลามันจะหมุนเร็วขึ้น แต่ความจริงแล้วเวลามันก็หมุนของมันเท่าเดิมนั่นแหละ แต่ใจและความต้องการของคนในยุคนี้มันต้องการมากขึ้นและต้องการให้เร็วทันใจขึ้นเท่านั้นเอง
ช่วงที่นั่งเหลาก้านมะพร้าวอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาว่างอยู่ตามลำพัง จึงเหมาะในการพิจารณาอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ๆ เราหวนมาคิดถึงการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น จะมามัวชักช้าอืดอาดมืดมัวโง่เขลาขี้เกียจอยู่ไม่ได้ เพราะภูเขาทั้งสี่ลูกที่จะมาบดขยี้มอบความตายให้นั้น กำลังเร่งเข้ามาหาเราทุกคนทุกขณะเหมือนกัน
จึงว่าเวลาทุกวันที่จะทำงานนั้น ดูเหมือนมันจะหมดไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน คิดไปแล้วก็ให้อนาถใจนัก คนเราเกิดมาเพื่อทำงาน สุดท้ายก็ตายจากโลกนี้แล้วไปเกิดใหม่ให้ทุกข์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบไม่รู้จบดังที่มันเคยเป็นมา ดังนั้นถ้าเรามัวแต่อิดออดไม่เร่งรีบทำความเพียรออกจากทุกข์เสียตั้งแต่บัดนี้ เราก็จะต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อทุกข์เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ…เราไม่อยากทุกข์เหมือนเดิมอีกแล้ว!!!!
วัดพระธาตุโพธิ์ทอง
๑๒ ม.ค.๖๗